ความพิเศษที่ยอดเยี่ยมของกล้องอินฟาเรด

กล้องอินฟาเรด หรือที่เรารู้จักกันอีกชื่อหนึ่งคือกล้องตรวจจับความร้อน เป็นอุปกรณ์ที่สร้างภาพความร้อนโดยใช้ประโยชน์จากคลื่นรังสีอินฟราเรด คล้ายกับกล้องทั่วไปที่สร้างภาพโดยใช้แสงที่มองเห็นได้ แทนที่จะใช้เป็นช่วง 400-700 นาโนเมตรของแสงปกติที่กล้องมองเห็นได้ กล้องอินฟราเรดทำงานในช่วงความยาวคลื่นที่สูงถึง 14,000 นาโนเมตร (14 µm) เราเรียกมันว่าเทอร์โมกราฟ เราคิดค้นเทคโนโลยีนี้ได้หลังจากการค้นพบคลื่นอินฟาเรดในปี 1800 มันปรากฎเป็นรูปแบบของรังสีที่อยู่เหนือกว่าแสงสีแดง สมัยก่อนเรามักเห็นมันถูกนำไปใช้สำหรับการวัดอุณหภูมิวัตถุต่างๆ

จนกระทั่งมันถูกนำไปสร้างเป็นเครื่องมือตรวจจับในปี 1829 ได้มีการสร้างเครื่องมือคู่ควบความร้อนขึ้นตัวแรก ต่อมามันได้ถูกนำไปต่อยอดและสามารถตรวจจับความร้อนของคนที่อยู่ห่างออกไป 10 เมตร พวกเขาได้ทุนในการพัฒนาอย่างจริงจังจนระยะในการตรวจจับเพิ่มขึ้นเป็น 400 เมตรและมีความไวต่อความแตกต่างของอุณหภูมิถึงหนึ่งแสนองศาเซลเซียส ไม่นานพวกมันก็นำมาใช้เป็นเทคโนโลยีทางการทหารในปี 1929 เพื่อใช้เป็นระบบจอภาพตรวจจับสำหรับป้อมปืนต่อต้านอากาศยานในอังกฤษ จากนั้นกองทัพสหรัฐอเมริกาได้ต่อยอดนำมาพัฒนาเป็นกล้องสแกนเนอร์แบบอินฟราเรด และใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงในการสร้างภาพเพียงภาพเดียว

ภาพที่ได้จากกล้องอินฟราเรดส่วนใหญ่จะเป็นสีเดียวเพราะโดยทั่วไปแล้วกล้องจะใช้เซ็นเซอร์ภาพที่ไม่มีความสามารถในแยกความยาวคลื่นที่แตกต่างกันของรังสีอินฟราเรดได้ สำหรับการใช้ในการวัดอุณหภูมิส่วนที่สว่างที่สุดคือบริเวณที่ร้อน อุณหภูมิระดับกลางสีแดง และสีเหลืองและส่วนที่มืดที่สุดสีดำ คือส่วนที่เย็ดสุด ส่วนการใช้ทางการทหารคือนำมาใช้ตรวจจับความร้อนของร่างกายมนุษย์ของฝ่ายศัตรู ในระหว่างปฎิบัติภารกิจในตอนกลางคืน พวกเขาเรียกอุปกรณ์ตัวนี้ว่าไนท์วิชั่น มันจะสาดคลื่นอินฟาเรดไปด้านหน้าพร้อมกับมีกล้องสำหรับตรวจจับอินฟาเรด ทำให้ทหารสามารถมองเห็นภาพในตอนกลางคืนได้มากเพียงพอในการทำงาน

เทคโนโลยีอินฟาเรดไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นอีกแล้วในปัจจุบัน แต่ที่น่าสนใจคือมันมีประโยชน์ในหลายๆ ด้านจนน่าเหลือเชื่อ เมื่อพวกมันถูกใช้ในฟาร์มวัว มันสามารถตรวจจับความร้อนที่กีบขาของวัวได้ หมายความว่าวัวตั้วนั้นกำลังป่วยและต้องจะได้รับการรักษาทันท่วงที หลายคนกลัวว่าคลื่นอินฟาเรดจะมีอันตรายแบบเหมือนกับคลื่นเอกซเรย์ แต่ขอบอกเลยว่ามันไม่มีความอันตราย พวกเราอยู่ท่ามการคลื่นพวกนี้ตลอดทุกวัน มันไม่ต่างอะไร แต่ถ้าพวกมันรวมลำแสงเป็นเส้นหนึ่งเหมือนกับเลเซอร์อันนี้ค่อนข้างมั่นใจว่ามันเป็นอันตรายแน่นอน นอกเหนือจากนี้มันไม่มีอันตรายใดๆ ที่น่าเป็นห่วง